คลองที่ผ่านแฮนโนเวอร์
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552
City Hall of Hannover
รอรถรางไป City Hall
สะพานใกล้บ้านเคล้าส์ (สะพานปูนบ้านเรา)
หงส์ก็มี
ในคลองมีเป็ดด้วย
ไปขี่จักรยานเล่นดีกว่า
ปรับเบาะจักรยานลงหน่อยมินจะได้ขี่ได้
ตามด้วยของหวาน (ลูกแพรเชื่อม/ยายทำ)
พาสต้า (พ่อเคล้าส์ทำอร่อยมาก)
มีตู้บริจาคเสื้อผ้าด้วย ข้างหลัง(สีเขียว-ขาว-น้ำตาล)เป็นถังสำหรับแก้วกับพลาสติก)
พรุ่งนี้มินจะไปเที่ยวเกาะทางตอนเหนือของแฮนโนเวอร์แล้วก็จะไปเที่ยวเมือง Hamburg ไปหาลุงเคล้าส์
จะกลับมาแฮนโนเวอร์วันพฤหัสที่26มีนาคมครับ
อากาศที่นี่หนาวมากๆแต่ก็ดีไม่ร้อนมินคงโทรไปกรุงเทพได้อีกทีคงหลังจากกลับจาก Hamburg
คิดถึงเมืองไทย
มิน
รอรถรางไป City Hall
สะพานใกล้บ้านเคล้าส์ (สะพานปูนบ้านเรา)
หงส์ก็มี
ในคลองมีเป็ดด้วย
ไปขี่จักรยานเล่นดีกว่า
ปรับเบาะจักรยานลงหน่อยมินจะได้ขี่ได้
ตามด้วยของหวาน (ลูกแพรเชื่อม/ยายทำ)
พาสต้า (พ่อเคล้าส์ทำอร่อยมาก)
มีตู้บริจาคเสื้อผ้าด้วย ข้างหลัง(สีเขียว-ขาว-น้ำตาล)เป็นถังสำหรับแก้วกับพลาสติก)
พรุ่งนี้มินจะไปเที่ยวเกาะทางตอนเหนือของแฮนโนเวอร์แล้วก็จะไปเที่ยวเมือง Hamburg ไปหาลุงเคล้าส์
จะกลับมาแฮนโนเวอร์วันพฤหัสที่26มีนาคมครับ
อากาศที่นี่หนาวมากๆแต่ก็ดีไม่ร้อนมินคงโทรไปกรุงเทพได้อีกทีคงหลังจากกลับจาก Hamburg
คิดถึงเมืองไทย
มิน
วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552
สวัสดีครับ
วันนี้เป็นวันแรกที่เยอรมัน เมื่อคืนมาถึงสนามบินดุสเซลดรอฟประมาณห้าโมงสี่สิบห้า ลงมาจากเครื่องบินเสร็จก็มาที่ passportcontrol และก็ไปรับกระเป๋าพอรับเสร็จกำลังจะเดินออก ตำรวจเยอรมันดันเรียกเข้าไปคุยและขอเช็คกระเป๋า+ดูpassport คำถามแรกถามว่ามาที่เยอรมันทำไม ก็ตอบไปว่ามาเยี่ยม hostbrother ต่อจากนั้นก็ถามว่ามีบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกระเป๋าไม๊ แล้วก็ขอค้นกระเป๋า (นานมาก) พอเสร็จไม่เจออะไรก็เลยให้ผ่านไป......เซงงงงง พอออกมาก็เจอ Klaus กับพ่อเลยเสร็จแล้วก็เดินออกจากสนามบินไปขึ้นรถกลับบ้าน...ก้าวแรกที่ออกจากประตูสนามบินอากาศข้างนอกเย็นมากมีลมพัดอีกต่างหาก(10องศาได้)....หนาววววว จากนั้นก็ขับรถไปกินข้าวระหว่างทางใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงครึ่งก็ถึงบ้านที่แฮนโนเวอร์
วันนี้เป็นวันแรกที่เยอรมัน เมื่อคืนมาถึงสนามบินดุสเซลดรอฟประมาณห้าโมงสี่สิบห้า ลงมาจากเครื่องบินเสร็จก็มาที่ passportcontrol และก็ไปรับกระเป๋าพอรับเสร็จกำลังจะเดินออก ตำรวจเยอรมันดันเรียกเข้าไปคุยและขอเช็คกระเป๋า+ดูpassport คำถามแรกถามว่ามาที่เยอรมันทำไม ก็ตอบไปว่ามาเยี่ยม hostbrother ต่อจากนั้นก็ถามว่ามีบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกระเป๋าไม๊ แล้วก็ขอค้นกระเป๋า (นานมาก) พอเสร็จไม่เจออะไรก็เลยให้ผ่านไป......เซงงงงง พอออกมาก็เจอ Klaus กับพ่อเลยเสร็จแล้วก็เดินออกจากสนามบินไปขึ้นรถกลับบ้าน...ก้าวแรกที่ออกจากประตูสนามบินอากาศข้างนอกเย็นมากมีลมพัดอีกต่างหาก(10องศาได้)....หนาววววว จากนั้นก็ขับรถไปกินข้าวระหว่างทางใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงครึ่งก็ถึงบ้านที่แฮนโนเวอร์
วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552
บันทึกก่อนเดินทาง2
Germany Visa and Thailand Passport
วีซ่าผ่านแว้ววว
วันอังคารที่ผ่านมาไปรับเล่มPassportคืนมาครับ
และข้างในเล่มก็มีวีซ่าเรียบร้อย!!
ก่อนที่จะไปทำวีซ่าเยอรมันก็ได้ยินกิตติศัพท์ว่าวีซ่าเยอรมันเป็นวีซ่าที่ทำยากมากที่สุดอันหนึ่งเลยทีเดียวพอได้ยินอย่างนั้นก็.....เอาหละกูจะวีซ่าจะผ่านไม๊เนี่ย????
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวีซ่าเยอรมันผ่านแล้วโว้ยยยยตอนนี้ก็มีอยู่ในอ้อมกอด...เห็นไหมครับว่าการทำวีซ่าเยอรมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ...ใครที่จะไปทำก็ขอให้โชคดีครับ
บันทึกก่อนเดินทาง
วีซ่าสุดโหดดดดด
ไม่ต้องตกใจกันไปครับ...มันไม่ได้โหดอย่างที่คิดครับเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
23 มกราคม 52 เวลาประมาณหกโมงครึ่งได้ฤกษ์งามยามดีเดินทางออกจากบ้านไปยังสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยพร้อมด้วยป๊าและอาแหม่.....ไปถึงเวลาประมาณเก้าโมงป๊าก็ขับรถไปจอดที่อาคารใกล้เคียง(อาคารคิวเฮาส์)ด้วยราคาค่าจอดรถที่แพงแสนแพง(ชั่วโมงละหนึ่งร้อยบาท)พอจอดรถเสร็จก็ไปทางข้าวกินบริเวณไม่ไกลนักจากสถานทูตพอกินอิ่มก็เวลาเก้าโมงครึ่งพอดิบพอดี...พอเดินไปถึงบริเวณหน้าสถานทูตก็จะมีประตูทางเข้าเล็กๆไว้สำหรับคนทำวีซ่าบริเวณหน้าประตูจะมียามคอยบอกอยู่หนึ่งคนเมื่อเดินผ่านทางเข้านั้นไปก็จะเจอจุดตรวจวัตถุระเบิดโดยผ่านเครื่องสแกนและตรวจตามตัว..โทรศัพท์มือถือไม่อนุญาตให้นำติดตัวเข้าไป!!จากนั้นก็เดินตรงไปที่เค้าเตอร์เพื่อแจ้งเลขที่ที่ได้ทำการนัดไว้กับเจ้าหน้าที่(คนไทย)แล้วเค้าก็จะเขียนใบให้มาใบหนึ่งที่แจ้งหมายเลขและช่องสัมภาษณ์..ถือใบเล็กๆใบนั้นเดินตรงไปยังพื้นที่นั่งรอเรียก...นั่งได้ซักพักชายไทยที่ค่อนข้างอายุมากซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารก็เรียกและก็ทำการตรวจเอกสาร...อันไหนที่ไม่จำเป็นเค้าก็จะคัดออกให้เราเก็บไว้เมื่อเรียบร้อยแล้วก็สามารถเดินเข้าไปที่บริเวณช่องสัมภาษณ์ได้เลยก่อนเข้าอย่าลืมเตรียมเงินให้พร้อมกับค่าวีซ่าด้วยนะครับสำหรับวันนี้อยู่ที่ 2,710 บาท...ขอย้ำเตรียมให้พอดี!!...หลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้วก็เดินตรงเข้าไปหน้าเค้าเตอร์
สิบเอ็ดแล้วก็นำเอกสารที่ตรวจแล้วไปวางไว้ในช่องหน้าเค้าเตอร์แล้วรอเรียก...แปปนึง...พอเจ้าหน้าที่สถานทูต(คนไทย)...วันนี้เจอคนไทยหมดเลย...เซง...ว่าจะโชว์ Speak English ซะหน่อยพอเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปสัมภาษณ์บริเวณเค้าเตอร์ก็เดินเข้าไปบริเวณเค้าเตอร์จะมีประตูอยู่ให้ปิดด้วยเพื่อเวลาที่สัมภาษณ์จะได้เป็นส่วนตัวจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มทำการถามด้วยคำถามแรกที่ว่าจะไปทำอะไรที่โน่นและก็ตามด้วยอีกหลายคำถามก็ขอให้ตอบตามความเป็นจริงทุกข้อหละครับ...............................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
ตอนท้ายเค้าจะถามว่าจะมารับ Passport คืนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ก็บอกเค้าไปว่าจะมารับคืนเองสรุปคือผ่านการสัมภาษณ์มาได้...โล่งงงงงงงเลยกรู...แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเขียนใบเล็กๆมาให้เราไปชำระเงินค่าวีซ่าที่บริเวณเค้าเตอร์ 2 พอจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกมาทางเดิมแล้วก็อย่าลืมไปเอาสิ่งของที่ฝากไว้ก่อนเข้าคืนด้วยหละครับจากนั้นก็เดินยิ้มมมมมมมออกจากสถานทูต.................................
วันอังคาร(27) นี้ก็ออกไปเอา passport พร้อมด้วย visa คืนมาแต่อาแหม่จะไปเอาแทน..................สรุปคือวีซ่าจะผ่านหรือเปล่าต้องรอดูวันอังคารนี้...ครับ
ไม่ต้องตกใจกันไปครับ...มันไม่ได้โหดอย่างที่คิดครับเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
23 มกราคม 52 เวลาประมาณหกโมงครึ่งได้ฤกษ์งามยามดีเดินทางออกจากบ้านไปยังสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยพร้อมด้วยป๊าและอาแหม่.....ไปถึงเวลาประมาณเก้าโมงป๊าก็ขับรถไปจอดที่อาคารใกล้เคียง(อาคารคิวเฮาส์)ด้วยราคาค่าจอดรถที่แพงแสนแพง(ชั่วโมงละหนึ่งร้อยบาท)พอจอดรถเสร็จก็ไปทางข้าวกินบริเวณไม่ไกลนักจากสถานทูตพอกินอิ่มก็เวลาเก้าโมงครึ่งพอดิบพอดี...พอเดินไปถึงบริเวณหน้าสถานทูตก็จะมีประตูทางเข้าเล็กๆไว้สำหรับคนทำวีซ่าบริเวณหน้าประตูจะมียามคอยบอกอยู่หนึ่งคนเมื่อเดินผ่านทางเข้านั้นไปก็จะเจอจุดตรวจวัตถุระเบิดโดยผ่านเครื่องสแกนและตรวจตามตัว..โทรศัพท์มือถือไม่อนุญาตให้นำติดตัวเข้าไป!!จากนั้นก็เดินตรงไปที่เค้าเตอร์เพื่อแจ้งเลขที่ที่ได้ทำการนัดไว้กับเจ้าหน้าที่(คนไทย)แล้วเค้าก็จะเขียนใบให้มาใบหนึ่งที่แจ้งหมายเลขและช่องสัมภาษณ์..ถือใบเล็กๆใบนั้นเดินตรงไปยังพื้นที่นั่งรอเรียก...นั่งได้ซักพักชายไทยที่ค่อนข้างอายุมากซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารก็เรียกและก็ทำการตรวจเอกสาร...อันไหนที่ไม่จำเป็นเค้าก็จะคัดออกให้เราเก็บไว้เมื่อเรียบร้อยแล้วก็สามารถเดินเข้าไปที่บริเวณช่องสัมภาษณ์ได้เลยก่อนเข้าอย่าลืมเตรียมเงินให้พร้อมกับค่าวีซ่าด้วยนะครับสำหรับวันนี้อยู่ที่ 2,710 บาท...ขอย้ำเตรียมให้พอดี!!...หลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้วก็เดินตรงเข้าไปหน้าเค้าเตอร์
สิบเอ็ดแล้วก็นำเอกสารที่ตรวจแล้วไปวางไว้ในช่องหน้าเค้าเตอร์แล้วรอเรียก...แปปนึง...พอเจ้าหน้าที่สถานทูต(คนไทย)...วันนี้เจอคนไทยหมดเลย...เซง...ว่าจะโชว์ Speak English ซะหน่อยพอเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปสัมภาษณ์บริเวณเค้าเตอร์ก็เดินเข้าไปบริเวณเค้าเตอร์จะมีประตูอยู่ให้ปิดด้วยเพื่อเวลาที่สัมภาษณ์จะได้เป็นส่วนตัวจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มทำการถามด้วยคำถามแรกที่ว่าจะไปทำอะไรที่โน่นและก็ตามด้วยอีกหลายคำถามก็ขอให้ตอบตามความเป็นจริงทุกข้อหละครับ...............................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
ตอนท้ายเค้าจะถามว่าจะมารับ Passport คืนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ก็บอกเค้าไปว่าจะมารับคืนเองสรุปคือผ่านการสัมภาษณ์มาได้...โล่งงงงงงงเลยกรู...แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเขียนใบเล็กๆมาให้เราไปชำระเงินค่าวีซ่าที่บริเวณเค้าเตอร์ 2 พอจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกมาทางเดิมแล้วก็อย่าลืมไปเอาสิ่งของที่ฝากไว้ก่อนเข้าคืนด้วยหละครับจากนั้นก็เดินยิ้มมมมมมมออกจากสถานทูต.................................
วันอังคาร(27) นี้ก็ออกไปเอา passport พร้อมด้วย visa คืนมาแต่อาแหม่จะไปเอาแทน..................สรุปคือวีซ่าจะผ่านหรือเปล่าต้องรอดูวันอังคารนี้...ครับ
วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552
จะได้ไปเที่ยวเยอรมันกับเขาซักที
สวัสดีครับ
เพิ่งเริ่มเขียน Blog ใหม่ครับ
ชื่อ Blog ก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าทำขึ้นเพื่อบอกเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น...เดือนมีนาคมนี้
จะได้ไปเที่ยวเยอรมันแล้วครับ...เป็นการเดินทางโดยเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต (ไกลซะด้วย)
ส่วนเรื่องราวต่างๆเดี๋ยวจะมาเล่าอีกทีนะครับ...
ไว้เจอกันใหม่,สวัสดีครับ
เพิ่งเริ่มเขียน Blog ใหม่ครับ
ชื่อ Blog ก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าทำขึ้นเพื่อบอกเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น...เดือนมีนาคมนี้
จะได้ไปเที่ยวเยอรมันแล้วครับ...เป็นการเดินทางโดยเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต (ไกลซะด้วย)
ส่วนเรื่องราวต่างๆเดี๋ยวจะมาเล่าอีกทีนะครับ...
ไว้เจอกันใหม่,สวัสดีครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)